วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บ่น+ [วิตามิน สกินแคร์ และของบำรุงหัวใจ?!]

วันนี้เป็นวันหนึ่งที่อยู่ๆก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเช้า รู้สึกเหมือนในใจมันพะวงแต่เรื่องสัมมนาที่จะมาถึงในอีกสองเดือน แต่ยังหาข้อมูลอะไรได้ไม่ครบ ตื่นไปมหาวิทยาลัย ทานข้าวเช้าคนเดียว แบบว่า...ฉันรีบนะ!!

เข้าฟังสัมนาสามคาบ 8.30 - 11.15 น. ช่วงแรกๆก็ง่วงนะ แต่หลับไม่ได้ แล้วก็มัวนั่งเขียนสูตรโมเลกุลของสารที่เรากำลังศึกษาในงานวิจัยของนักวิจัยชาติอื่นอยู่ ก็เลยไม่ค่อยได้ฟัง คนแรกพูดจบไป โดนซักถาม ตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง ต่อมาเป็นคนที่ให้สัมมนาเป็นธรรมชาติมาก ดูมีความรู้ พอพูดจบก้มีช่วงถามตอบเช่นเคย มีทั้งนักศึกษาและอาจารย์ท่านต่างๆถามคำถามและให้ความสนใจ ผู้ให้สัมมนาก็อธิบายได้กระจ่าง เก่งมากๆ ข้อมูลแน่น!!! มาถึงคนสุดท้าย ให้สัมมนาดีหมือนกันแต่เหมือนเขาจะตื่นเต้นนิดหน่อยพอช่วงตอบคำถามเลยคุมสติไม่ค่อยอยู่นิดๆ แล้วพูดเป็นคนสุดท้าย เจอคำถามเยอะมาก แต่ถ้าเขาตอบไม่ได้มันก็ไม่ผิดหรอก เพราะผู้ให้สัมมนาทุกคนศึกษาข้อมูลมาจากนักวิจัยท่านต่างๆ หากในงานวิจัยไม่มีข้อมูลอะไรมาให้ มันก็ยากที่เราจะตอบคำถามได้ นอกจากไปค้นข้อมูลเพิ่มมาอย่างมาก!

หมดช่วงเช้าไป เราก็ไปขอความช่วยเหลือกับรุ่นพี่เกี่ยวกับเรื่องเนื้อหาสัมมนาของเรา เพราะเราไม่ทราบกลไกทางเคมีของสารที่เราศึกษา และในงานวิจัยก็ไม่ได้พูดถึงกลไกเลย พูดแต่ว่าเกิด interaction กัน แค่นั้นเอง :(
พี่ที่เราไปปรึกษานั้นกำลังจะจบ ป.โท ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับเรานี่แหละ พี่เขาเก่งมาก และยิ่งเก่งมากๆขึ้นทุกทีที่เจอ 55 เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็ตอนเราเข้ามา ปี 1 เราต้องจัดงานวันวิทย์ที่มหาวิทยาลัย แล้วต้องอธิบายให้น้องๆมัธยมที่มาดูงานฟัง เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกตอนนั้น เราก็เลยไปถามพี่คนนี้แหละ (ตอนนั้นพี่เขาอยู่ปี3) พี่เขาก็ช่วยอธิบายให้ ชัดเจน แจ่มแจ้ง!! แล้วเราก็ทึ่งพี่เขามากที่พี่เขารู้อะไรเกี่ยวกับเคมีมากขนาดนี้ เก่งจริงๆ ในใจเราก็แอบคิดว่า ถ้าเราอยู่ปี 3 บ้าง เราก็คงต้องรู้เรื่องพวกนี้แน่ๆ !!

พอเราขึ้นปี 3 บ้าง ก็ปรากฏว่า เรารู้แ่ค่บางส่วนที่พี่เขาบอกตอนนั้นเอง ไม่ได้รู้เท่าเขาเลย!!! เจ็บปวดมาก รู้สึกถึงความฉลาดที่ห่างชั้นแบบคนละขั้ว แต่อันที่จริงเราก็มาคิดได้อีกว่า มันขึ้นอยู่กับความใฝ่รู้ ถ้าเราไม่สนใจ ไม่อยากรู้ เราก็ไม่ศึกษาและเราก็จะไม่มีวันรู้ (อ้าว ยาวขนาดนี้เลย 55) ถึงไหนแล้วนะ?!~

อ๋อ..เราไปขอความช่วยเหลือจากพี่เขา พี่่เขาก็ช่วยได้บ้างบางปฏิกิริยา เพราะข้อมูลเรามันไม่พอ เพราะในงานวิจัยไม่ได้บอกอะไรที่เราอยากรู้เลย ก็ขอขอบคุณพี่ด้วยค่ะ :D

จากนั้นเราก็รู้สึกถอดๆใจนิดๆ ขนาดพี่เขายังไม่รู้เลย แล้วตูจะรู้ได้ไงฟร๊ะ! นั่งเงิบอยู่นาน จนตัดสินใจว่า น่าจะไปถามอาจารย์สายออร์แกนิกดู อาจารย์น่าจะพอบอกอะไรเราได้ แหม!ก็อาจารย์จบเอกกันทุกคนนี่~
เก่ง!!! แต่ว่า มันก็มีประเด็นอีกที่ว่า จะไปถามอาจารย์คนไหนดี?! เราค่อนข้างเกร็งถ้าต้องคุยกะอาจารย์ที่่เราไม่ค่อยคุ้นเคย โดยเฉพาะสายออร์แกนิกที่เราอ่อนที่สุดใน 5 สายของเคมี (Organic , Inorganic , Biochem , Analytical , Physicalchem) เราเลยตัดสินใจไปหาอาจารย์ที่เราคิดว่าใจดีที่สุดดีกว่า ก็ออกเดินไปที่ห้องอาจารย์ ไปมา 3 รอบ ไม่เจอ!!! ไปหาอจ.ท่านอื่นที่น่าจะพอรู้เรื่องนี้อีก ท่านก็ไปประชุม ไม่เข้าม. 4วัน OMG! ในใจนี่สลดแล้ว คือ...ต้องส่งรายงานสัมมนารอบแรกวันจันทร์นี้แล้วนะ ยังหารีแอคชั่นไม่ได้เลย จะร้อง!!! แล้วเราก็ตั้งมั่นไว้แล้วว่าเราจะไม่ไปหาอาจารย์ ผช. สายออร์ ได้ข่าวว่าเป้นเด็กขี้สงสัยกับ ผช.ปากร้าย อีนี่ก็เกร็งค่ะ + กลัวด้วย กลัวว่าไปถาม จะกลายเป็นโดยํซักกลับแทน~
ตัดสินใจเดินไปหา อจ.ใจดีอีกครั้ง ก็ยังไม่เจอค่าาาาาาาาาาาาา!! แล้วมี อจ.สายอื่่นเดินผ่านมาพอดี อจ.บอกว่า อจ.(นามสมมุต)ใจดี ไม่อยู่ แต่เราก็บอก อจ.ไปว่า หาอจ.สายออร์แกนิกคนไหนก็ได้ค่ะ ตอนนี้หนูอยากได้คำตอบในงานวิจัยที่ศึกษาอยู่ อจ.เดินผ่านเราได้แล้วก็เรียกแล้วบอกเราว่า นี่ไง อจ.(นามสุมมุต)เด็กขี้สงสัย กับอจ. X อยู่ในห้องนี้ หืม!!! อีนี่ถึงกับแทบจะลมจับ อจ. X กับ อจ.เด็กขี้สงสัย เป็น ผช.ทั้งคู่!!! แต่ อจ.ที่เรียกเรายืนอยู่หน้าห้อง อจ.สองคนนั้นเลย เป็นเชิงว่า เข้าไปสิ ....

แล้วเราจะทำไงได้..ก็ต้องไปอย่างเดียว ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เราเดินเข้าไปในห้อง ถึงกับตกตะลึง เพราะอจ.ทั้งสองท่านนี้ เราไม่เคยเรียนด้วย ไม่รู้ว่าดุหรืออะไรยังไง
อจ.ทั้งสองก็ถามว่ามีอะไร กับใคร เราก็บอกไปเรื่องงานสัมมนา แต่ว่า อจ.ท่านไหนก็ได้ค่ะ (เวลานั้นคงไม่ต้องเลือกแล้ว) แต่ตอนพูดเราหันไปพูดกับ อจ.เด็กขี้สงสัยนะ (เพราะเขาอยู่ใกล้กว่า)

ทีนี้!! อจ.ก็บอกว่า เดี๋ยวผมดูให้ แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยได้รึป่่าวนะ เราก็กางกระดาษที่เราเขียนสูตรโมเลกุลไว้แล้วให้ อจ.ดู แล้วก็อธิบายงานสัมมนาของเราคร่าวๆให้ อจ.ฟัง และเราก็เริ่มถามคำถาม+เสนอความคิดตัวเองลงไป ได้เรื่องล่ะทีนี้!! อจ.หันไปหยิบกระดาษ มาเขียน mechanism ให้เราดู พระเจ้า!! นี่แหละที่ลูกรอคอย กลไกของปฏิกิริยา!!!!! ก็มีบางจุดที่เราไม่รู้ข้อมูลของโครงสร้างสาร แต่ก็พอเดาๆได้ อจ.ก็เหมือนว่าพอจะเดาคร่าวๆได้อยู่แล้วด้วย ก็เลยบอกเราว่า ไอ้ตรงจุดนี้ ถ้ามันเป็นอย่างที อจ.คิด มันจะเกิดปฏิกิริยาอะไร ยังไง ท่านก็บอกๆๆมา ตอนนั้นรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะว่า ไงเราก็มีข้อมูลนี้แล้วแหละ คือข้อมูลกลไกนี่เป็นอย่างสุดท้ายแล้วที่เราอยากรู้ในงานวิจัยเรื่องนี้ ระหว่างที่อจ.สอนเราอยู่นั้น ก็มีคนเข้ามา เป็นอจ. อีกสายหนึ่ง กับอจ.ภาคฟิสิกส์ เขาก็คุยๆกันไป จนเรารู้สุดท้ายคือ อจ.ทั้งสามจบการศึกษาที่นี่ ที่ๆเราเรียนอยู่นี่ ขอข้ามบทสนทนาไป...

เมื่อได้ข้อมูลครบแล้ว ก่อนกลับ อจ.ก็บอกว่า ถ้าจะทำสไลด์สัมมนา เขียนปฏิกิริยาแบบนี้ไม่ได้นะ ต้องโฟกัสดีๆ แบ่งเรื่องให้ถูก ต้องทำความเข้าใจมาดีๆก่อนพูด (~นั้น) เราก็ขอบคุณอาจารย์แล้วก็ลงมาหาเพื่อนข้างล่าง ที่นั่งรออยู่ที่ห้องคอมคณะ คือ อจ.ก็ไม่ได้บอกเราทุกอย่าง แต่ก็ไกด์มาให้เกือบหมดแล้ว ที่เหลือ เราก็ต้องพยายามเอง ในวันสัมมนาจะพยายามทำให้พลาดน้อยที่สุด จะพูดให้เข้าใจและตอบคำถามให้ได้โดยไม่จิตตกไปก่อน 5555555

สุดท้ายเราก็ได้รู้ว่า อายครูไม่รู้วิชา เลือกครูก็ไม่รู้วิชาเหมือนกัน! ถามไปเถอะ ถ้าเราไม่รู้ หรือเราลืมไป!
เด็กไทยดีแค่ไหนที่มีคุณครูคอยเอาใจใส่และเป็นที่ปรึกษาในหลายๆเรื่อง จากนี้จะไม่ตีตนกลัวอาจารย์ไปก่อนแล้วล่ะ แต่ก็ยังมีบางคนนะที่เรายังเกร็งๆอยู่ ก็นะ อจ.ท่านอื่นก็มีอายุแล้ว ยิ่งอายุมาก ก็ยิ่งความรู้มาก
แต่อจ.ที่ช่วยสอนเราก็มีความรู้มากเหมือนกัน ทั้งๆที่อายุก็ยังไม่ได้มากอะไร~

พอหลายๆอยากเคลียร์ สมองก็เริ่มปล่อยวาง คอก็เริ่มโงนเงน ก็เลยกลับห้องมานอนสักพัก
ตอนเย็นๆก็ไปซื้อวิตามินมาบำรุงตัวเอง เพราะรู้สึกได้เลยว่า ตัวเราไม่ไหวแล้ว ผิวพรรณนี่แทบจะไม่ได้ดูแล ผักก็ไม่ค่อยได้กิน

เลยปซื้อ Vit E กับ Vit C มากิน แต่ยี่ห้อนี้ไม่เคยกินมาก่อน เลยเอามาลองกินดู








แล้วก็ไปซื้อโลชั่นบำรุงผิวหน้ามาบ้าง เอาไว้ใช้ตอนกลางคืน เพราะปกติ กลางคืนไม่ค่อยได้ใช้อะไร
เจ้าตัวนี้  : Hada Labo Arbutin Whitening Lotion


ปกติใช้ตัวสีขาวอยู่แล้วรู้สึกว่ามันหนึบมากไป หนึบจนเหนียวเกินไปสำหรับเรา เราเป็นคนหน้ามัน
แล้วก็ไม่ชอบอะไรหนึบๆเท่าไหร่ มันทำให้รู้สึกหน้าหน้า แต่เจ้าตัวขาวไม่ได้ทำให้หนักหน้าหรอกนะคะ แต่มันหนึบไปก็เท่านั้น เราจึงมาลองเจ้าตัวน้ำเงินนี่ดู นี่ลองใช้แล้ว หน้ารู้สึกชุ่มชื่นนะ ไม่หนึบด้วย คนผิวมันอย่างเราใช้ได้ ตัวโลชั่นแทบจะเป็นน้ำเลยก้ว่าไได้ ส่วนเรื่งความขาวนี่ต้องรอดูกันไป เราไม่ได้หวังเรื่องนั้นหรอก เราอยากให้หน้าแข็งแรง สิวจะได้เลิกขึ้นสักที~
  


หลังจากเราซื้อของบำรุงร่งกาย ผิวพรรณไปแล้ว ความนี้มาบำรุงหัวใจกันบ้าง
บำรุงความต้องการของตัวเองด้วย ถ่าด๊าาาาาาาาาาาาา!!!!


"ความสุขใหม่ใหม่ มีได้เสมอ" ชอบประโยคนี้ :D
 ของหวานบำรุงจิตใจน้อยของเราที่ห่างจากช็อกโกไปหลายวัน (ย้ำว่าวัน)
มันช่างคิดถึง คิดถึง คิดถึงรสหวานอมขมและกลิ่นหอมๆของเธอยิ่งนัก ฉันคิดถึงเธอยัยช็อก



ช็อกที่ติดอยู่บนฝากล่อง ฉันก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปหรอกย่ะ

คือตอนแรกก็อยากเลือกอย่างอื่นมากินบ้างหรอกนะ แต่เลือกไป หยิมบมา เอ้า ช็อกเต็มแล้ว ครบ 6 ชิ้นแล้ว 555
ตอนนี้ขอไปนั่งกินขนมต่อล่ะนะ อุ๊ยวันนี้มีวอลเลย์บอลหญิง FIVB U20 แข่งนี่นา ต้องรอดูซะแล้ววว
ไปล่ะเด้อออออ


วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

~ข้าวผัดกุ้ง+ไก่ป๊อปแซ่บ~

นั่งคิดอยู่นานเลยว่า เอ๊!! วันนี้จะกินอะไรดีนะ คิดไปคิดมา ไม่คิดดีกว่าไปซื้อเลย!! แล้วก็ได้มาสองอย่าง

อย่างแรก ข้าวผัดกุ้ง เป็นเมนูตามสั่งที่กินบ่อยมาก 
ถือเป็นเมนูสิ้นคิดของเราอีกเมนูนอกจากกะเพราไก่ไข่ดาว กุ้งตัวใหญ่พอควร สมราคา



ไก่ป๊อปและไก่ป๊อปแซ่บ!!


ไม่คิดว่าจะซื้อมาเยอะขนาดนี้ คือ จำได้ว่าอย่างเดียวก็อิ่มจะตายแล้ว แต่ ณ ตอนนั้นมันหิว :D



ผงแซ่บ!! :D



ผงไก่แซ่บก็อร่อยดีนะ อร่อยเป็นบางวัน จะว่าไปไอตัวผงปรุงรสนี่มีขายทั่วไปเลยนะ อร่อยไม่อร่อยนี่ต้องเลือกดีๆ และที่สำคัญสุดก็น่าจะเป็นตัวไก่ป๊อปกับแป้งแหละ ถ้าทอดไม่อร่อย ไก่ไม่สด มันก็ไม่อร่อยหรอก 

เห็นผักไหม มันแว๊บๆอยู่ในข้าวผัดน่ะ 55 อย่าลืมหาผักผลไม้ทานเพิ่มและดื่มน้ำมากๆนะคะ เพื่อผิวที่สดใส
เอาล่ะ ขออนุญาตไปทานข้าวเย็นต่อนะคะ วันนี้เขียนบล็อคไม่ยาวเท่าไหร่ ก็อาหารมื้อแรกของช่วงเย็น 
~เฮ่ยย!! 55 Enjoy eating ค่าทุกคน~


วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

~ข้าวต้มมััดไส้กล้วย~ [glutinous rice steamed in banana leaf ] :D

วันนี้ยังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายสามกว่าๆ พอได้กินข้าวไปหนึ่งจาน+กับข้าว 3 อย่าง มันก็ยังรู้สึกขาดๆอะไรไปอย่าง เลยเดินไปซื้อขนม+น้ำเต้าหู้+ปาท่องโก๋เอาไว้กินตอนช่วงหัวค่ำ อันที่จริงเราเพิ่งเคยกินข้าวต้มมัดที่ร้านค้าในมหาวิทยาลัยครั้งแรกเลยก็ปีนี้แหละ วันนี้เป็นครั้งที่สอง ปกติกินแต่กล้วยต้ม~ แป่ววว!! เราซื้อมาสองมัดแหละ คือ มันอร่อยจริงๆนะ ถ้าทำเป็นก็อยากทำกินเองที่บ้านบ้าง~ สองมัด สี่ชิ้น อร่อยฟินจริงจัง ตังเหลือเยอะ 555555555



เราก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะว่า ข้าวต้มมัดมันเป็นอาหารคาวหรือหวาน ส่วนตัวคิดว่าน่าจะจัดอยู่ในหมวดอาหารหวานได้ เพราะมันหวาน (เกี่ยว?!) เราชอบของร้านนี้ตรงที่เขาไม่หุ้มข้าวเหนียวมากเกินไป ตั้งแต่คำแรกยันคำสุดท้ายก็ลิ้มรสชาติของกล้วยไปด้วยเต็มๆ แล้วอีกอย่าง เขาไม่ใส่ถั่วดำ (อันนี้ไม่ชอบถั่วดำในข้าวต้มมัดเป็นการส่วนตัว) แต่ถ้าถั่วดำเพียวๆนี่กินได้นะ :D



นี่เป็นข้อมูลข้าวต้มมัดที่หามาจากเว็ปไซต์วิกิพีเดีย ที่หานี่เพราะอยากรู้ส่วนตัวเลยว่า (จากเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ) ทำไมสร้อยฟ้าจึงเรยีกข้าวต้มมัดว่าข้าวต้ม พอมารู้อีกที อ๋อ เขาเรียก "เข้าต้ม" บ่ใช่ "ข้าวต้ม"

ข้าวต้มมัด หรือ ข้าวต้มผัด เป็นขนมชนิดหนึ่งที่ทำด้วยข้าวเหนียวผัดกับกะทิ แล้วนำไปห่อด้วยใบตองหรือใบมะพร้าวอ่อน ใส่ไส้กล้วย นำไปนึ่งให้สุก ทางภาคใต้ใช้ข้าวเหนียวกับน้ำกะทิ ห่อด้วยใบพ้อ เรียกห่อต้ม ถ้าห่อด้วยใบมะพร้าว และมัดด้วยเชือกเรียกห่อมัด ขนมแบบเดียวกับข้าวต้มยังพบในประเทศอื่นอีก เช่นในฟิลิปปินส์เรียก อีบอส หรือ ซูมัน ที่แบ่งย่อยได้หลายชนิดเช่นเดียวกับข้าวต้มมัดของไทย

ข้าวต้มมัดอีกชนิดหนึ่งเรียก ข้าวต้มลูกโยน เป็นขนมที่ใช้ในเทศกาลออกพรรษา ห่อด้วยใบพ้อหรือยอดมะพร้าวเป็นรูปรี ข้างในเป็นข้าวเหนียวผสมถั่วดำไม่มีไส้ ผูกเข้าด้วยกันเป็นพวงแล้วนำไปต้ม ส่วน ข้าวต้มมัดไต้ เป็นข้าวต้มที่ห่อแล้วมัดให้มีลักษณะเหมือนไต้ที่ใช้จุดไฟ ไส้เป็นถั่วทองโขลกกับรากผักชี กระเทียม พริกไทย ใส่หมู มันหมู ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำ น้ำตาลทราย ห่อด้วยใบตองเป็นแท่ง มัดเป็นเปลาะ 4-5 เปลาะ แล้วนำไปต้ม บางท้องที่ใช้เป็นขนมไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจีนและสารทจีนด้วย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกข้าวต้มมัดว่า ข้าวต้มกล้วย ใช้ข้าวเหนียวดิบมาห่อ ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย ใส่ถั่วลิสงต้มสุกเคล้าให้เข้ากันแล้วจึงห่อเป็นมัด ใส่ไส้กล้วย เอาไปต้มให้สุก ถ้าเป็นแบบผัด จะผัดข้าวเหนียวกับกะทิก่อนแล้วจึงห่อใส่ไส้กล้วย แล้วต้มให้สุก ถ้าต้องการหวานจะเอามาจิ้มน้ำตาล ส่วนทางภาคเหนือนิยมนำข้าวต้มมัดที่สุกแล้วมาหั่นเป็นชิ้นๆ คลุกกับมะพร้าวขูด โรยน้ำตาลทราย เรียก ข้าวต้มหัวหงอก ในประเทศลาวมีข้าวต้มมัดเช่นเดียวกันเรียกว่า "เข้าต้ม" ไส้เค็มใส่มันหมูกับถั่วเขียว ไส้หวานใส่กล้วย

ข้าวต้มมัดทางภาคใต้ไม่มีไส้ เป็นข้าวเหนียวผัดกับกะทิ ใส่ถั่วขาว ไม่นิยมใช้ถั่วดำ ออกรสเค็มเป็นหลัก ถ้าต้องการให้มีรสหวานจะเอาไปจิ้มน้ำตาล และมีขนมชนิดหนึ่งเรียก ข้าวต้มญวน มีลักษณะคล้ายข้าวต้มมัดแต่ห่อใหญ่กว่า ทำให้สุกด้วยการต้ม เมื่อจะรับประทานจะหั่นเป็นชิ้นๆ คลุกกับมะพร้าวขูด เกลือและน้ำตาลทราย

แฮร่!! ข้าวต้มมัดนี่มีหลายชื่อแท้น้อออ จะให้จำคงจำไม่ได้รู้แค่ว่ามันแซบอีหลี!!! :D
ทานแล้วควรออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและรูปร่างอันไม่ตุ้ยนุ้ยเกินไป :D ฮี่่ ฮี่่ ฮี่่ ฮี่่ ฮี่่ ฮี่่ ฮี่่ ~

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

[ขนมปังไข่คน] อาหารเช้าง่ายๆ สไตล์เด็กหอ~ :D

เนื่องจากเราพักอยู่ที่หอพักนอกมหาวิทยาลัย
ดังนั้นก็จะพอมีเครื่องไม้เครื่องมือในการทำอะไรๆกิน หาซื้อวัตถุดิบต่างๆมาทำอาหารยังชีพ?!

เมื่อประมาณอาทิตย์ก่อนได้ทำอาหารเช้าสุดเร่งรีบและแสนง่ายก่อนออกไปเรียนแต่เช้า ซึ่งนั่นก็คือ
ขนมปังไส้ไข่คน+ไมโลร้อนๆ 1 แก้ว "ไข่คนก็คือเอาไข่มาคน คน และคน

ตอนแรกเราก็ปิ้งขนมปังไว้รอก่ออน เราก็ใช้กระทะไฟฟ้ามาปิ้งขนมปัังของเรา (ใครมีเครื่องปิ้งก็ใช้เครื่องเถอะนะคะ) จากนั้น...

1. เริ่มจากเราตอกไข่หนึ่งฟองแล้วตีแบบไข่เจียว + ใส่น้ำเปล่าลงไปประมาณสองช้อนโต๊ะ ตีให้เข้ากัน ปรุงรสตามแต่ชอบ

2. จากนั้นตั้งกระทะ(เราใช้กระทะไฟฟ้า) จึงไม่ต้องใส่น้ำมัน พอกระทะร้อนก็เทไข่ที่ตีไว้ลงในกระทะ

3. พอไข่ลงกระทะแล้ว นับ 1 2 3 4 5 แล้วคนเลยค่ะ ไม่ต้องห่วงไข่สวยเพราะเราทำไข่คน 55

4. คนไปมาจนไข่สุก แต่อย่าให้แห้งจนเกินไปนะคะ เอาแค่สุกก็พอ แต่มันก็ไม่น่าจะแข็งหรือแห้งเกินไปแล้ว เพราะเราใส่น้ำลงไปในตอนตีไข่ จะทำให้ไข่นุ่มขึ้น :D

5. ตักไข่แล้ววางลงบนขนมปัง เป็นอันเสร็จ เป็นไง ง่ายๆ สบายๆ :D

ส่วนเครื่องดื่มเราเลือกไมโลเพราะเราชอบแล้วก็คิดว่ามันโอเค เข้ากัน แต่หากใครอยากเปลี่ยนเป็น
น้ำผลไม้หรืออื่นๆก็ได้ตามแต่ชอบแลยจ้าาาา

นี่ผลงาน............ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ เราว่าน่ากิน เพราะเราทำเอง 55555555555


ตอนที่เราทานก็แอบใส่ซอสแม็กกี้ลงไปหน่อยเพื่อความเค็มแบบกลมกล่อม :D


จะเห็นว่าไม่มีผักเลย ไม่ควรเอาอย่างเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากผักเราหมดไปตั้งแต่คืนก่อน เลยอดกิน~
เพื่อนๆคนใด ได้ลองทำแล้วมีอะไรใหม่ๆ หรือมีเมนูอื่นๆที่ทำง่ายๆไว้ทานตอนเช้าก็มาบอกกันไปเด้ออ~

รอบนี้ยังไม่มีภาพตอนที่ทำ เอาไว้เมนูอื่นเนอะ อันนี้รีบจัด 555


วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เชียงใหม่ เมื่อปลายปีที่แล้ว

เมื่อปลายปีก่อนเราได้ีมีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่เป็นครั้งแรก โดยมาพักอยู่บ้านญาติที่นี่และมีพี่ชาย(ที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก) คอยพาไปที่ต่างๆ เราออกเดินทางจากกรุงเทพ โดยรถโดยสารของสมบัติทัวร์ ออกเดินทางประมาณสามทุ่มครึ่ง และมาถึงเชียงใหม่ก่อนหกโมงเช้า ทัวร์นี้นั่งสบาย(นอนสบาย) แอร์เย็นมากๆ บริการก็ใช้ได้เลย

มาถึงท่ารถก็รอญาติมารับ แชะภาพนึงก่อนเป็นที่ระทึก จากนั้นเดินทางสู่บ้านของเรา~ [เรามากับรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย :D]
พอมาถึงบ้าน ในใจคิดว่า ว้าวว เป็นบ้านไม้อ่ะ!!! ชอบๆ ห้องที่เรานอนก็ไม่มีอะไร โล่งๆ มีหน้าต่างเกือบรอบห้อง อากาศเย็นสบาย ไม่ต้องเปิดแอร์ก็หลับพริ้มได้แน่ๆ ที่ว้าวนี่เพราะเป็นห้องที่แสงเข้าตลอด เพราะมีหน้าต่างเยอะ ต่างกับห้องนอนของเราที่บ้านที่มีหน้าต่างแค่สองด้าน

อาหารมื้อที่สองเมื่อมาถึงที่นี่ มื้อแรกเราทานตอนก่อนมาถึงบ้านแล้ว เป็นโจ๊กร้อนๆ 
(ช่างอุ่นสบายเหมาะกับอากาศเย็นๆ)

เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้ว เราก็ไปเทศกาลดอกไม้บาน ดอกไม้สวยๆเต็มไปหมดเลย สีสันสดใสมาก


 





 ชมดอกไม้บาน ชมหน้าบานๆของตัวเองซะหน่อย~ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ 
บอนไซ

~สาวๆในสวนสวย~ 555
เดินไปไม่ถึง ได้แต่ถ่ายภาพอยู่ไกลๆ แดดเปรี้ยงเลย แดดร้อน แต่อากาศเย็น งงไหม?! 
ต้นไม่สูงๆเพียบเลย (แถวบ้านไม่ค่อยมีเลยปลื้มอกปลื้มใจที่ได้มาอยู่ใต้ต้นไม้แบบนี้) 
 

ใช้กระจกสะท้อนเอา

หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นหาของกินเรื่อยเปื่อย กลับบ้าน(เล่นไพ่ 55)
รู้สึกว่าเราจะป่วยช่วงตอนเย็นๆ เนื่องจากร่างกายไม่ปรับอุณหภูมิตามสภาพอากาศที่นี่
ตัวเราอุ่นมาก แต่อากาศก็เย็นมากเช่นกัน หวัดกินไปค่าาา
แต่...เราก็มิวายออกไปกินข้าวต้มนอกบ้านตอนกลางคืน ตากลมหนาวๆ บรึ๋ยยย~


เช้าวันถัดมา ถามว่ามาเหนือกินอะไรจ๊ะ...
MK จ๊ะ!!แปลกใหม่มากก ^______^~ ฮ่าๆๆๆ




วันนี้ติดกิ๊บนิดนึง หัวมัน~ ฮี่ๆๆ ตาบวมมากก~


พอตกเย็น...ก็ไปเติมความหวานให้กระเพาะกัน~ ฟิ๊วววววววว
เริ่มจาก กาแฟวาวีชื่อดังซึ่งเราก็ไม่รู้เรื่อง น้องบอกว่าดัง (อ้าว?...เฮาบ่เคยรู้เรื่อง)

 

ของเราทางซ้าย เขาเรียกว่าเอื้องฟ้า มันจะหอม หอม หอมมมม สำหรับคนชอบขม จะถือว่าไม่ขมมากท่าที่คาดไว้ แต่รสชาติกลมกล่อมมาก หากคุณต้องการรสขมจริงจัง แนะนำเมนูอื่น~ ส่วนสีชมพูๆเป็นนมเย็นของน้อง~ :D


ร้านสวยดี น่ามานั่งชิลๆ นั่งคุยกับเพื่อน~


ข้ามถนนมาอีกฟาก เป็นร้าน Mont Blanc Bakery 
ซอย7 ถ.นิมมานเหมินท์ 

เทสๆ ระวังความต้องการความหวานพุ่งสูงขึ้น กรุณาเรียมใจก่อนชม
เราจะนำภาพเบเกอรี่ของร้านในวันนี้มาให้ท่านยล

 
เราเลือกทานเจ้าตัวนี้ ตัวอื่นไม่ไหวแล้ว วันนี้กินมาเยอะ
 
นี่มันช็อกโกแลตเบเกอรี่ในฝัน!! [เวอร์ไป 55]




เอนทรี่ของเรายังไม่จบเท่านี้ เราจะเขียนจนสิ้นสุดการเดินทาง ยาวหน่อยน้าาา
หลังจากเติมความหวานเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินเท้าชมเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนไปเรื่อยๆ ดูร้านซอยต่างๆไปเพลินๆ


อุ๊ย!! ภาพไม่ชัด ขออภัย~





แล้วเราก็ไป ถนนคนเดิน คนเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ก็สมคำล่ำลือ มีของเยอะ มีอะไรสวยๆให้เราตื่นตาตื่นใจด้วย
ไปดูกันว่าที่นี่เขามีอะไรบ้าง บางอย่างเราก็ไม่ได้ถ่ายมาเพราะคนเยอะ เบียดกันมากๆ





























เดินมาไกล เหนื่อยใช่เล่นนะเนีย~



หลังจากที่เดินเมื่อยกันไปแล้ว ไม่มีแรงจะเดินแล้ว เราจึงกลับบ้าน... 555
กลับบ้าน จากที่หมดแรงมา อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็นั่งคุยกันยาวววว
ที่อยู่ด้วยกันในบ้านก็มี พี่ชาย เรา น้องปุ๊ที่มาด้วยกัน และน้องแป้งที่มาดูแลคุณยายที่บ้าน เพราะอาเจ็กอาซิ่มไม่อยู่ ท่านมารับเราที่ท่ารถ และพามาส่งที่บ้าน จากนั้นท่านก็เดินทางไปเมืองจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อไปเยี่ยมเจ้เกื้อ ลูกสาวของท่าน ลูกพี่ที่ไม่ได้เจอกันมาสิบกว่าปีของเรา~

วันต่อมา ไปสวนสัตว์กันเถอะ
วันนี้แป้งนำทาง แป้งเป็นสาวเหนือ~ น้องปุ๊อยู่เมืองหลวง ส่วนเราค่อนไปทางใต้ๆ :D

เดินเท้าโลดดดดดดด











เจ้านี่ขี้เซามากๆ


 






 อากาศดีสุดๆ ลมแรงสุดๆเลยด้วยย
 





เดินชมอะไรๆไปแล้วท้องก็หิว (นี่วันๆเอาแต่กิน?)
เราทั้งสามจึงเดินทางไปยัง ที่นี่.....


ร้านไอเบอรี่ เชียงใหม่ [i b e r r y]
~เราทานอะไรกัน~ ถ่าด๊าาาาาาาาาา *O*





~เวลาของหวาน เบิกบานใจ~


 
รอบนอกของร้าน

 

ทานของหวานไปมาก เราก็เดินเล่นในนิมมานเรื่อยๆ
แล้วก็พักทานน้ำเปรี้ยวๆหลังจากทานหวานมาซะหน่อย

 

จากนั้น อาเฮียก็มารับกลับ...
กลับไปไหน??!!!


เอ๊ะนี่ฉันนั่งอยู่ที่ไหน?!! ฉันนั่งรออะไร~

 


เอ๊ะ!! ของใครกันน่ะ?? ไม่ใช่ของเรานะ!!


นี่ต่างหากของเรา O_O สเต็กปลารอบดึก เนื้อนุ่มๆ ราคาสบายกระเป๋า~ :D มันบดอร่อยยย!!


นี่เป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่เชียงใหม่ในการมาเยือนครั้งนี้
เช้าวันถัดมา ตื่นแต่เช้านั่งเครื่องกลับ กทม. แล้วกลับไปเรียนไม่ทัน ส่วนน้องปุ๊พลาดการสอบเก็บคะแนน
ชีวิตเรา ต้องมาพอกับอะไรแบบนี้หลังเที่ยวสนุกๆเนี่ย เซ็งนะ คราวหลังเราต้องดูเวลาให้ดีกว่านี้ แต่ทำไงได้ เครื่งบินไฟลท์กลับมันเต็ม เลยต้องกลับวันนี้ตอนเช้า ~

เอาเถอะ ยังไงเราก็ถือว่าการไปเที่ยวครั้งนี้เป็นความทรงจำดีๆของเรา อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่า 
เรามีพี่ชายที่เป็นญาติอยู่อีกสองคน ถึงอีกคนจะยังไม่เคยเจอก็ตาม ได้เจออาเจ็ก อาซิ่มที่ไม่ได้เจอเลยหลังจากตอนประถม ถึงจะแค่เวลาไม่นานก็ขอบพระคุณน้ำใจที่มีให้เสมอมาค่ะ ทั้งนี้ ถึงอาซิ่มที่จากไป ขอให้ท่านไปสู่ที่ๆท่านปรารถนาค่ะ :D

น้องปุ๊ เฮียกานต์ น้องแป้ง หวังว่าเราจะได้ออกทริปด้วยกันบ้างนะ :D ฮี่ๆๆ
~คิดถึงทุกคนเลย~

^______________________________________________________^